ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การแปลงหน่วยมิลลิลิตร (mL) ให้เป็นกรัม (g) นั้นซับซ้อนกว่าแค่แทนค่าลงไปตามหน่วย เพราะมันเป็นการแปลงหน่วยปริมาตรคือมิลลิลิตรให้เป็นหน่วยมวลคือกรัม นั่นหมายถึงสสารแต่ละตัวจะมีสูตรที่ใช้ในการแปลงหน่วยต่างกันออกไป แต่มันไม่ต้องใช้ความรู้ขั้นลึกซึ้งทางคณิตศาสตร์ใดๆ เดินเลยไปจากการคูณ การแปลงนี้มักจะใช้เมื่อต้องแปลงสูตรส่วนผสมทางการทำอาหารจากระบบหนึ่งไปอีกระบบหนึ่ง หรือในโจทย์เคมี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ในครัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำหนึ่งมิลลิลิตรมีมวลหนึ่งกรัม และหนักหนึ่งกรัมในภาวะปกติ รวมไปถึงในสูตรอาหารและโจทย์คณิตและวิทยาศาสตร์ (เว้นแต่จะระบุไว้) จึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย หน่วยมิลลิลิตรกับกรัมจะเหมือนกันตลอด
    • การแปลงง่ายแสนง่ายนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการนิยามหน่วยเหล่านี้นั่นเอง หน่วยทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะนิยามโดยใช้น้ำ เนื่องจากมันมีประโยชน์และหาได้ทั่วไป
    • คุณจะต้องใช้การแปลงแตกต่างออกไปหากน้ำนั้นร้อนหรือเย็นกว่าปกติมากๆ
  2. . คูณหน่วยมิลลิลิตรของนมด้วย 1.03 เพื่อให้ได้มวลของมัน (หรือน้ำหนัก) เป็นกรัม หน่วยนี้ใช้สำหรับนมไขมันเต็ม นมพร่องมันเนยนั้นจะใกล้เคียงกับ 1.035 แต่ความแตกต่างเล็กน้อยนี้ไม่ส่งผลสำคัญสำหรับสูตรอาหารส่วนใหญ่ [1]
  3. . หากคุณไม่มีเครื่องคิดเลข คูณด้วย 0.9 ก็น่าจะแม่นยำพอสำหรับสูตรอาหารแล้ว [2]
  4. . แป้งนั้นมีหลายชนิด แต่แป้งอเนกประสงค์ แป้งสาลี หรือแป้งขนมปังเกือบทุกยี่ห้อจะมีความหนาแน่นใกล้เคียงกัน กระนั้น ความที่เป็นไปได้ว่าค่าอาจจะแตกต่างกันออกไป ให้เติมแป้งลงไปในสูตรอาหารทีละนิด จะใช้เพิ่มหรือลดอัตราส่วนขึ้นอยู่กับส่วนผสมหรือแป้งนวดออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร
    • หน่วยนี้ถูกคำนวณโดยยึดจากความหนาแน่นที่ 8.5 กรัมต่อช้อนโต๊ะ และการแปลงหนึ่งช้อนโต๊ะ = 14.7868 มล.[3]
  5. ใช้เครื่องคิดเลขออนไลน์ในการคำนวณส่วนผสมอื่นๆ. อาหารส่วนใหญ่สามารถแปลงหน่วยได้โดยใช้ the aqua-calc เว็บแปลงหน่วยอาหาร ออนไลน์ หนึ่งมิลลิลิตรนั้นเท่ากับลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ให้เลือกตัวเลือก "ลูกบาศก์เซนติเมตร" ใส่ปริมาตรเป็นมิลลิลิตร แล้วพิมพ์ชื่ออาหารหรือส่วนผสมที่อยากจะแปลงลงไป
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แนวคิดพื้นฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มิลลิลิตรนั้นเป็นหน่วยของ ปริมาตร หรือจำนวนพื้นที่ น้ำหนึ่งมิลลิลิตร ทองคำหนึ่งมิลลิลิตร หรืออากาศหนึ่งมิลลิลิตรล้วนใช้จำนวนพื้นที่เท่ากัน หากคุณบี้วัตถุให้มันเล็กลงและหนาแน่นขึ้น ปริมาตรของมัน จะ เปลี่ยนไป ปริมาตรหนึ่งมิลลิลิตรนั้นจะเท่ากับประมาณน้ำยี่สิบหยด หรือ 1/5 ช้อนชา [4]
    • ตัวย่อของมิลลิลิตรคือ mL
  2. กรัมนั้นเป็นหน่วยของ มวล หรือปริมาณสสาร หากคุณบี้วัตถุให้มันเล็กลงและหนาแน่นขึ้น มวลของมัน ไม่ได้ เปลี่ยนแปลง คลิปหนีบกระดาษ น้ำตาลหนึ่งซอง หรือลูกเกด ล้วนหนักประมาณหนึ่งกรัม [5]
    • กรัมมักจะใช้เป็นหน่วยของน้ำหนัก และมันสามารถวัดได้ด้วยตาชั่งในชีวิตประจำวัน น้ำหนักนั้นเป็นหารวัดแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อมวล หากคุณเดินทางท่องอวกาศ คุณจะยังคงมีมวลเท่าเดิม (ปริมาณของสสาร) แต่คุณจะไม่มีน้ำหนักแล้ว เนื่องจากในอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง
    • กรัมนั้นใช้ตัวย่อว่า g
  3. เรียนรู้ว่าทำไมคุณถึงจำเป็นต้องรู้ว่ากำลังจะแปลงสสารอะไร. เนื่องจากหน่วยเหล่านี้ใช้วัดของที่แตกต่างกัน จึงไม่มีสูตรลัดสำหรับใช้แปลง คุณต้องหาสูตรโดยดูจากวัตถุที่จะวัด เช่น ปริมาณของกากน้ำตาลที่จะบรรจุในกล่องขนาดหนึ่งมิลลิลิตรพอดีนั้นจะมีน้ำหนักต่างจากปริมาณน้ำที่บรรจุในกล่องขนาดหนึ่งมิลลิลิตรพอดี
  4. ความหนาแน่นเป็นการวัดว่าสสารในวัตถุรวมตัวอยู่ใกล้กันแค่ไหน เราสามารถทำความเข้าใจเรื่องความหนาแน่นในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องทำการวัดเลย หากคุณหยิบลูกเหล็กขึ้นมาและประหลาดใจว่าทำไมมันถึงหนักเมื่อเทียบกับขนาด นั่นก็เป็นเพราะมันมีความหนาแน่นสูง มีสสารจำนวนมากอัดอยู่ในพื้นที่จำกัด หากคุณหยิบลูกบอลกระดาษที่มีขนาดเท่ากัน คุณสามารถโยนมันอย่างง่ายดาย ลูกบอลกระดาษนั้นมีความหนาแน่นต่ำ ความหนาแน่นนั้นวัดเป็นมวลต่อหน่วยปริมาตร เช่น มวล เป็นกรัมเท่าไหร่ที่สามารถบรรจุอยู่ใน ปริมาตร หนึ่งมิลลิลิตร มันจึงสามารถใช้แปลงระหว่างสองหน่วยการวัดนี้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

แปลงสสารใดๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดังที่อธิบายไว้ข้างต้น ความหนาแน่นเป็นมวลต่อหน่วยปริมาตร หากคุณกำลังตอบโจทย์เลขหรือเคมี มันน่าจะบอกค่าความหนาแน่นของสสารมา หรือไม่ก็ค้นหาความหนาแน่นของสสารแต่ละชนิดได้ตามตารางหรือในอินเทอร์เน็ต
    • ใช้ ตารางนี้ เพื่อดูค่าความหนาแน่นของธาตุบริสุทธิ์ใดๆ (โปรดสังเกตว่า 1 ซม.3 = 1 มิลลิลิตร)
    • ใช้ เอกสารชิ้นนี้ เพื่อดูความหนาแน่นของอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด สำหรับชิ้นที่เขียนกำกับไว้ว่า "ความถ่วงจำเพาะ" ตัวเลขนั้นจะเท่ากับความหนาแน่นในหน่วย g/mL ที่อุณหภูมิ 4ºC (39ºF) และมักจะมีค่าใกล้เคียงกันเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง
    • สำหรับสสารอื่นๆ ให้พิมพ์ชื่อสสารนั้นกับ "ความหนาแน่น" ลงไปในเสิร์ชเอนจิน
  2. บางคราว โจทย์อาจให้ความหนาแน่นมาในหน่วยอื่นนอกเหนือจาก g/mL หากความหนาแน่นถูกเขียนในรูปของ g/cm3 ก็ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน เนื่องจาก cm3 เท่ากันกับ 1 mL พอดี สำหรับหน่วยอื่นๆ ลองดูที่ เครื่องคำนวณความหนาแน่นออนไลน์ หรือทำการแปลงเอาเอง:
    • คูณความหนาแน่นในหน่วย kg/m3 (กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ด้วย 0.001 เพื่อให้ได้ความหนาแน่นในหน่วย g/mL
    • คูณความหนาแน่นในหน่วย lb/gallon (ปอนด์ต่อแกลลอนสหรัฐ) ด้วย 0.120 เพื่อให้ได้ความหนาแน่นในหน่วย g/mL
  3. คูณการวัดปริมาตรสสารในหน่วย mL ด้วยความหนาแน่นของมันในหน่วย g/mL นี่จะได้คำตอบใน (g x mL) / mL แต่คุณสามารถตัดหน่วย mL บนและล่างออกและจะเหลือแค่ g หรือกรัม
    • ตัวอย่าง ถ้าจะแปลงเอทานอล 10 mL เป็นกรัม ดูความหนาแน่นของเอทานอล: 0.789 g/mL [6] คูณ 10 mL ด้วย 0.789 g/ml จะได้ 7.89 กรัม คุณก็จะทราบว่าเอทานอล 10 มิลลิลิตรจะหนัก 7.89 กรัม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การจะแปลงกรัมเป็นมิลลิลิตร ให้หารกรัมด้วยความหนาแน่นแทนที่จะคูณกัน
  • ความหนาแน่นของน้ำคือ 1 g/mL หากความหนาแน่นของวัตถุสูงกว่า 1 g/mL วัตถุนั้นก็จะมีความหนาแน่นสูงกว่าน้ำบริสุทธิ์และจะจมน้ำ หากความหนาแน่นของวัตถุมีน้อยกว่า 1 g/ml วัตถุนั้นจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำและจะลอยน้ำ

== คำเตือน ==ไ

  • สสารสามารถขยายหรือหดตัวเมื่อเปลี่ยนะอุณหภูมิ โดยเฉพาะหากมันละลาย จับตัวแข็ง หรือมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สถานะของสสาร (เช่นำำำำัำำำำัำำำำำัำำำำัำพพ) และกำลังทำโจทย์ที่ใช้สภาวะปกติทั่วไป คุณสามารถใช้ค่าความหนาแน่น "ปกติ" ของมันได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 13 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง บทความนี้ถูกเข้าชม 1,290,375 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,290,375 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา